เมื่อพูดถึงการสั่งซื้อ นำเข้าสินค้าจากจีนแน่นอนว่าโดยทั่วไปแล้ว หลายคนมักจะได้ยินแต่คำแนะนำในเชิงบวก หรือข้อดีของการสั่งสินค้าจากผู้ผลิตจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของต้นทุนราคาสินค้า ซึ่งว่ากันว่ามีต้นทุนที่ต่ำ และคุ้มค่ากว่าเรทราคาขายส่งในตลาดบ้านเราพอสมควร จึงถือว่าเป็นโอกาสที่ดีกว่าในการเลือกหาสินค้ามาทำกำไรจากการขายปลีก แต่ทว่าในความเป็นจริง แม้ว่าการสั่งนำเข้าสินค้าจากจีนจะช่วยให้เราได้สินค้าหมวดหมู่ใดๆ ในราคาต้นทุนที่ต่ำกว่าแหล่งจัดหาสินค้าในประเทศจริง แต่การนำเข้าสินค้าจากจีนก็มาพร้อมๆกับค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ ที่นอกเหนือไปจากราคาสินค้าชิ้นนั้นๆ อีกมากมายเช่นกัน การจะสั่งซื้อสินค้าจากจีนให้คุ้มค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการสั่งซื้อมาเพื่อจำหน่ายปลีกต่อนั้น จึงจำเป็นต้องมีการวางแผนจัดการกับค่าใช้จ่ายส่วนต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในบทความนี้เองก็ได้นำเอาเทคนิคการวางแผนจัดการกับค่าใช้จ่ายส่วนต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในการสั่งนำเข้าสินค้าจากจีน ซึ่งนักช้อปมือใหม่หลายคนอาจจะไม่ทราบมาก่อนให้ได้ทราบกัน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการวางแผนใช้งบสั่งซื้อสินค้าแต่ละครั้งอย่างคุ้มค่าที่สุด
ค่าขนส่ง ค่าใช้จ่ายส่วนแรกที่ถือว่าเป็นอุปสรรคสำคัญในการสั่งนำเข้าสินค้าจากจีนมาขายปลีกในประเทศก็คือ ค่าใช้จ่ายส่วนของค่าขนส่งนั่นเอง เพราะแน่นอนว่าการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศย่อมมีเรทค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการจัดหาสินค้าจากแหล่งขายส่งในบ้านเราเอง ดังนั้นผู้สั่งซื้อจึงควรต้องคำนวณต้นทุนราคาสินค้ารวมกับค่าขนส่งก่อนการสั่งซื้อทุกครั้ง เพื่อให้ทราบต้นทุนรวมที่แท้จริง นอกจากนี้ก็ควรวางแผนควบคุมงบประมาณในส่วนนี้ ไม่ว่าจะเป็นการสั่งซื้อในปริมาณมากชิ้นต่อครั้งเพื่อนำสินค้ามาสต๊อกไว้ก่อน แทนที่จะสั่งซื้อครั้งละน้อยชิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสินค้าที่มีน้ำหนักเบา การสั่งซื้อครั้งละมากๆจะช่วยประหยัดต้นทุนค่าขนส่งไปได้มากทีเดียว วางแผนสั่งซื้อในช่วงเวลาโปรโมชั่นที่ได้รับส่วนลดค่าจัดส่ง หรือใช้โค้ดส่วนลดค่าจัดส่งที่ได้รับบนหน้าแพลตฟอร์มนั้นๆ เป็นต้น
ค่าประกันสินค้าชำรุด เสียหายระหว่างการขนส่ง ค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในการนำเข้าสินค้าจากจีนปริมาณมากๆ เพื่อนำมาจำหน่ายปลีกต่อ แต่นักช้อป พ่อค้าแม่ค้ามือใหม่หลายคนมักมองข้ามไปก็คือ ค่าใช้จ่ายส่วนของการทำประกันสินค้าชำรุด เสียหายระหว่างการขนส่งนั่นเอง โดยผู้สั่งซื้อควรต้องมีการวางแผนในการทำประกันไว้ล่วงหน้า เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะได้รับการชดเชยตามเรทที่เหมาะสมกรณีที่สินค้าทั้งหมด หรือบางส่วนที่เราสั่งซื้อเกิดชำรุด เสียหายในขณะขนส่ง ซึ่งเรทราคาค่าประกันในส่วนนี้อาจแตกต่างกันไปตามแต่ผู้ให้บริการขนส่ง หรือชิปปิ้งนำเข้าสินค้าจากจีนแต่ละราย หรือผู้ให้บริการนำเข้าสินค้าจากจีนบางรายก็อาจมีการพ่วงแพ็คเกจประกันสินค้าเสียหายพื้นฐานมากับค่าบริการขนส่งอยู่แล้ว ซึ่งหากเป็นกรณีแบบนี้ก็ควรสอบถามจากผู้ให้บริการฯเพิ่มเติมถึงแพ็คเกจประกันอื่นๆที่ให้วงเงินชดเชยได้มากกว่า และคุ้มค่ากับมูลค่าสินค้าที่เราสั่งซื้อ
คำนวณภาษีศุลกากรที่ต้องชำระ สำหรับนักช้อปที่ต้องการสั่งนำเข้าสินค้าจากจีนเพื่อนำมาบริโภค หรือใช้งานสินค้าเองนั้น เรื่องของการวางแผนภาษีที่ต้องชำระแก่ศุลกากรอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญมากนัก เพราะเราสามารถคำนวณตามเรทภาษีที่ต้องชำระได้ง่ายๆ จากราคาสินค้าชิ้นนั้นๆที่เราจะทำการสั่งซื้อ และในกรณีที่มูลค่าสินค้าไม่ถึงเกณฑ์ เช่น ราคาสินค้าต่ำกว่า 1,500 บาท ก็จะได้รับการยกเว้นภาษีอัตโนมัติ เรียกว่าเราไม่จำเป็นต้องดำเนินการใดๆในส่วนนี้เลย แต่สำหรับการสั่งซื้อ นำเข้าสินค้าจากจีนเพื่อนำมาจำหน่ายต่อนั้นแน่นอนว่าปริมาณการสั่งซื้อ มูลค่ารวมการสั่งซื้อย่อมแตกต่างออกไป และโดยส่วนใหญ่แล้วก็มักจะเข้าเกณฑ์ที่ต้องชำระภาษี ดังนั้นผู้สั่งซื้อจึงควรต้องมีการแผนวางคำนวณค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ไว้ล่วงหน้า เพื่อให้ทราบตัวเลขคร่าวๆ ที่ต้องชำระแก่ศุลกากร ซึ่งนั่นจะช่วยให้เราทราบตัวเลขต้นทุนที่เพิ่มเติมขึ้นมา และสามารถวางแผนกำหนดราคาขายปลีกที่คุ้มทุนได้ง่ายขึ้นไปด้วย
