การเสียภาษีในการนำเข้าสินค้าจากจีนนั้น เป็นกฎหมายที่กำหนดขึ้นมาเพื่อให้ประชาชนทุกคนนั้นมีหน้าที่ที่จะต้องชำระภาษีในการนำเข้าสินค้าทุกครั้ง เพื่อนำภาษีเหล่านั้นไปพัฒนาประเทศในด้านเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งภาษีที่เราจะชำระนั้น จะชำระผ่านกรมศุลกากรที่มีหน้าที่ในการจัดเก็บภาษีจากการนำเข้าสินค้าจากจีนรวมถึงการส่งออกสินค้าสู่ต่างประเทศด้วยเช่นกัน ซึ่งกรมศุลกากรนั้น นอกจากจะมีหน้าที่ในการจัดเก็บภาษีแล้ว ยังมีหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามการขนส่งสินค้าที่ผิดกฎหมายหรือมีการลักลอบนำสินค้าเข้าประเทศต่าง ๆ ด้วย
ในการนำเข้าสินค้าจากจีนนั้น เราจะต้องมีการเสียภาษีของสินค้านั้น ๆ โดยการนำเข้าสินค้าจากจีน จะมีภาษีที่เราจะต้องชำระอยู่ทั้งหมด 4 ประเภทด้วยกัน ได้แก่
1.ภาษีอากรขาเข้า หมายถึง ภาษีเงินได้ที่เป็นรายได้หลักของประเทศ ที่กรมศุลกากรนั้นถูกกำหนดให้เป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่จัดเก็บจากการนำเข้าสินค้าจากจีนหรือส่งออกสินค้าสู่ต่างประเทศ ซึ่งภาษีที่จะทำการจัดเก็บนั้น มีข้อบังคับดังนี้ คือ หากเป็นการนำเข้าสินค้าจากจีนผ่านการถือเข้ามาเป็นของติดตัว สินค้าเหล่านั้นจะต้องมีมูลค่าต่ำกว่า 20,000 บาท กฎหมายจึงจะยกเว้นการชำระภาษีให้ และหากเป็นสินค้าที่นำเข้าสินค้าจากจีนผ่านชิปปิ้ง สินค้านั้น ๆ จะต้องมีมูลค่าที่รวมค่าประกันภัยและค่าขนส่งเกิน 1,500 บาท จึงจะเรียกเก็บค่าภาษีอากร แต่หากต่ำกว่า 1,500 บาทนั้นจะได้รับการยกเว้นการเสียภาษี แต่ยังมีกรณีที่เรานำเข้าสินค้าจากจีนหรือส่งออกสินค้าเป็นประจำ และมีการชำระภาษีล่วงหน้า หากเราชำระเงินเกินสามารถขอคืนภาษีได้ภายในระยัเวลาที่กฎหมายกำหนด แต่หากชำระขาด กรมศุลกากรก็จะทำการเรียกเก็บภาษีย้อนหลังภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด แต่ถึงแม้ว่าเราจะมีการชำระภาษีนำเข้าอย่างถูกต้องแล้วก็ตาม เราก็ยังควรจัดเก็บเอกสารการนำเข้าสินค้าจากจีนไว้อย่างน้อย 5 ปี เพื่อกันไว้เวลาที่ทางกรมศุลกากรเรียกตรวจภาษีย้อนหลัง
2.ภาษีสรรพสามิต หมายถึง ภาษีทีเรียกเก็บเฉพาะกลุ่มสินค้าที่มีเหตุผลที่จำเป็นจะต้องเสียภาษีเยอะกว่าสินค้าในกลุ่มอื่น ๆ ได้แก่ สินค้าที่บริโภคแล้วอาจจะก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย สินค้าฟุ่มเฟือย สินค้าที่ก่อให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม เช่น เครื่องดื่ม น้ำมัน รถยนต์ เรือยอชต์ น้ำหอม เครื่องถักทอที่ทำมาจากขนสัตว์ สุราและยาสูบ เป็นต้น
3.ภาษีเพื่อมหาดไทย ภาษีส่วนนี้นั้นจะต้องมีการเรียกเก็บต่อเมื่อเราได้มีการชำระภาษีสรรพสามิตเท่านั้น ซึ่งสินค้าที่จะต้องเสียภาษีมหาดไทยก็จะเป็นสินค้ากลุ่มเดียวกันกับสินค้าในกลุ่มของภาษีสรรพาสามิตอันได้แก่ ไพ่ สุรา น้ำหอม แบตเตอรี่ เป็นต้น
4.ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เป็นภาษีที่มีการเรียกเก็บทั้งการนำเข้าสินค้าจากจีนและการจำหน่ายสินค้าภายในประเทศ เพราะเป็นภาษีที่เรียกเก็บจากมูลค่าส่วนที่เพิ่มขึ้นในแต่ละขั้นตอนของการผลิตสินค้าหรือบริการ ซึ่งปัจจุบันนั้นมีการเรียกเก็บอยู่ที่ 7 % ซึ่งสำหรับการนำเข้าสินค้าจากจีนนั้น จะเรียกเก็บเช่นเดียวกันเดียวกับการเรียกเก็ฐภาษีอากรขาเข้า คือจะจัดเก็บต่อเมื่อมีการนำเข้าสินค้าเข้ามาภายในประเทศเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
นอกจากนี้ ในการยกเว้นการเสียภาษี ยังสามารถทำได้โดยการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าหรือ Form E ซึ่งเราสามารถแจ้งกับทางชิปปิ้งที่เป็นผู้ดำเนินการในการเสียภาษีนั้น สามารถออกหนังสือตัวนี้ให้ได้ หรือลองทำการศึกษาเกี่ยวกับการลดต้นทุนภาษีนำเข้าเพื่อให้เราสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในเรื่องของการชำระภาษีในการนำเข้าสินค้าจากจีนได้เช่นกันค่ะ
อย่างไรก็ตาม ก่อนการนำเข้าสินค้าจากจีนก็อย่าลืมที่จะศึกษาในเรื่องของกฎหมายเกี่ยวกับการนำเข้าสินค้า และกฎหมายในการหลีกเลี่ยงการเสียภาษีให้รอบคอบก่อนการนำเข้าสินค้าจากจีนทุกครั้ง เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ หรือนำเข้าสินค้าจากจีนผ่านตัวแทนการนำเข้าสินค้าที่มีความเป็นมืออาชีพและสามารถดูแลจัดการในเรื่องของบภาษีให้กับเราได้ เพื่อลดขั้นตอนความยุ่งยากที่อาจจะเกิดขึ้นในการนำเข้าสินค้าก็ได้เช่นกันค่ะ