หากจะให้แบ่งกลุ่มนักช้อป ผู้ชื่นชอบในการช้อปปิ้งสินค้าจีน สั่งซื้อ นำเข้าสินค้าจากจีนผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ก็แน่นอนว่าโดยทั่วไปแล้วสามารถแบ่งออกได้เป็นสองกลุ่มหลักๆ คือกลุ่มนักช้อปที่สั่งนำเข้าสินค้าจากจีนเพื่อมาขาย จำหน่ายปลีกต่อ หรือก็คือกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า นักขายทั้งรายย่อยและรายใหญ่นั่นเอง กับกลุ่มนักช้อปที่เป็นผู้บริโภค หรือใช้งานสินค้าเอง ซึ่งเลือกซื้อเลือกหาสินค้าบนแพลตฟอร์มจีนต่างๆ และสั่งนำเข้ามาแต่ละครั้งก็เพื่อใช้งานในชีวิตประจำวันเอง ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าการการเลือกหาสินค้า นำเข้าสินค้าจากจีนของนักช้อปทั้งสองกลุ่มนั้นแตกต่างกันชัดเจน โดยกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าย่อมต้องคำนึงถึงความต้องการของตลาด หรือกลุ่มลูกค้าของร้าน ขณะที่นักช้อปกลุ่มผู้บริโภคก็จะเลือกหาสินค้าที่ตัวเองมีความต้องการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากความแตกต่างเรื่องของการเลือกส่องเลือกหาตัวสินค้าแล้ว ในการสั่งซื้อ นำเข้าสินค้าจากจีนผ่านแพลตฟอร์มช้อปปิ้งมอลล์ต่างๆ ของนักช้อปทั้งสองกลุ่มก็ถือว่ายังมีรายละเอียด และข้อควรระวังอื่นๆ ที่แตกต่างกันอีกเช่นกัน ซึ่งในบทความนี้จะมาแนะนำให้ได้ทราบกันว่ามีจุดไหนบ้างที่แตกต่างกัน และนักช้อปทั้งสองกลุ่มต้องระมัดระวังตรวจเช็คเรื่องใดบ้างในการสั่งนำเข้าสินค้าแต่ละครั้ง
ภาษีนำเข้า จุดแรกที่ถือว่าค่อนข้างมีความแตกต่างกัน และนักช้อปกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าต้องระมัดระวังเป็นพิเศษก็คือเรื่องของภาษีนำเข้า หรือภาษีศุลกากรนั่นเอง เนื่องจากการสั่งซื้อ นำเข้าสินค้าจากจีนเพื่อมาจำหน่ายต่อแต่ละครั้งนั้นมักมีปริมาณและมูลค่าสินค้าสูงกว่าการสั่งนำเข้ามาเพื่อใช้งานเอง บ่อยครั้งมูลค่ารวมของสินค้าที่สั่งนำเข้ามาจึงเข้าเกณฑ์ที่ต้องชำระภาษีแก่ศุลกากร นอกจากนี้ก็ยังอาจจะมีสินค้ากลุ่มพิเศษบางรายการที่ต้องมีการจัดการภาษีที่แตกต่างไปจากสินค้าทั่วไปในกรณีที่เป็นการนำเข้ามาเพื่อจำหน่ายต่อ
ลิขสิทธิ์/การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา อีกหนึ่งข้อควรระวังในการนำเข้าสินค้าจากจีนที่กลุ่มนักช้อปที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าควรระมัดระวังมากกว่ากลุ่มผู้บริโภคทั่วไปก็คือเรื่องของลิขสิทธิ์ หรือการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของแบรนด์สินค้าหมวดหมู่ต่างๆ นั่นเอง เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าสินค้าจากผู้ขายจีนบนแพลตฟอร์มช้อปปิ้งมอลล์ต่างๆ นั้นมีปะปนกันทั้งสินค้าที่ผู้ผลิต ผู้ขายดีไซน์เอง และสินค้าลอกเลียนแบบดีไซน์ของแบรนด์ดังต่างๆ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วหากเป็นการสั่งซื้อ นำเข้ามาเพื่อบริโภค หรือใช้งานเอง สินค้าที่อาจเข้าข่ายละเมิดลิขสิทธิ์ หรือมีดีไซน์ใกล้เคียงกับสินค้าแบรนด์ดังต่างๆ ผู้ซื้อมักจะไม่ได้ถููกตรวจสอบ หรือเอาผิดในทางกฎหมายสักเท่าไหร่ เรียกว่าความผิดมักถูกมองว่าเป็นของผูู้ผลิต หรือร้านค้าผู้จำหน่ายก็ว่าได้ แต่ในกรณีของการสั่งซื้อ นำเข้ามาเพื่อจำหน่ายต่อนั้นถือว่าแตกต่างกันออกไป การตรวจสอบมักมีความละเอียด และมีการดำเนินการทางกฎหมายที่เข้มข้นกว่า การนำเข้าสินค้าจากจีนมาเพื่อจำหน่ายต่อจึงควรต้องระมัดระวังลิขสิทธิ์มากกว่า หลีกเลี่ยงสินค้าที่มีการพิมพ์ชื่อแบรนด์ หรือโลโก้สินค้าเหมือนกับแบรนด์เจ้าดังต่างๆ
ระยะเวลาการขนส่ง/รอสินค้า อีกจุดที่อาจมีความแตกต่างกันอยู่เล็กน้อยในการสั่งนำเข้าสินค้าจากจีนมาเพื่อจำหน่ายต่อ และแบบสั่งซื้อปลีกเพื่อบริโภคสินค้าเองก็คือ ระยะเวลาการรอสินค้าและการขนส่งนั่นเอง โดยในการสั่งนำเข้ามาเพื่อจำหน่ายต่อในปริมาณมากชิ้นต่อครั้ง หรือก็คือการสั่งซื้อแบบราคาส่งนั้น บางครั้งอาจต้องใช้เวลารอร้านผู้จำหน่ายเตรียมสต๊อกสินค้าก่อนจัดส่ง ซึ่งอาจเป็นการผลิตใหม่ทั้งหมด หรือการผลิตเพิ่มเติมบางส่วน ระยะเวลาการรอสินค้าจึงมักจะนานกว่าการสั่งซื้อแบบปลีกที่ร้านผู้จำหน่ายมักจะมีสต๊อกพร้อมจัดส่งอยู่แล้ว ดังนั้นหากเป็นการสั่งซื้อ นำเข้าสินค้าจากจีนเพื่อมาจำหน่ายต่อนั้น ผู้สั่งซื้อจึงควรตรวจเช็คกับทางร้านผู้จำหน่ายก่อนว่ามีสต๊อกสินค้าที่พร้อมจัดส่งหรือไม่ หรือต้องรอเวลาผลิตนานแค่ไหน เพื่อจะได้ทราบระยะเวลาจัดส่งโดยประมาณได้ และไม่ผิดแผนการจำหน่าย หรือรองรับพรีออเดอร์จากลูกค้าที่แพลนไว้ล่วงหน้า
